ชาไทย ทำไมถึงสีส้ม? | สืบจากศัพท์..กว่าจะเป็นชาไทยที่ใครๆ ก็รัก

ชาไทย ทำไมถึงสีส้ม?

ความเป็นมาของร้านกาแฟโบราณในไทยนั้นเริ่มจากจังหวัดทางภาคใต้ก่อน แต่เดิมจะใช้กาแฟนำเข้าหรือไม่นั้นไม่อาจทราบได้ แต่ว่าเพียงไม่นาน โรงคั่วกาแฟโบราณก็เกิดขึ้นทั่วไป และนอกจากกาแฟแล้ว ก็ยังนำเข้าชาซีลอนเข้ามาคั่วตามกรรมวิธีอันเป็นสูตรลับของแต่ละยี่ห้อสำหรับชงเป็นชานมด้วย

จากนั้นเทรนด์ร้านชากาแฟโบราณรวมทั้งโรงคั่วชากาแฟก็กระจายขึ้นไปจนทั่วประเทศ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อมีการพบว่าทางภาคเหนือของไทยโดยเฉพาะเชียงใหม่มีป่าชาอัสสัมโบราณขึ้นอยู่ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ต้นเมี่ยง” ทำให้มีการเปลี่ยนไปใช้ผลผลิตภายในประเทศเพื่อผลิตใบชาสำหรับร้านกาแฟโบราณแทนเพื่อลดต้นทุน แต่ด้วยความที่เพิ่งเริ่มอุตสาหกรรม ทำให้คุณภาพชาดำสู้ศรีลังกาไม่ได้ ชาชงออกมาแล้วสีจางกว่า หอมน้อยกว่า จึงมีการเติมกลิ่นอย่างกลิ่นวานิลลาเพิ่มลงไปในใบชา เติมน้ำตาลลงในกระทะตอนคั่วใบชาเพื่อเพิ่มกลิ่นคาราเมล รวมทั้งใส่สีผสมอาหารโทนเหลืองแดงอย่าง Sunset Yellow และ Tartrazine เพื่อให้สีน้ำชาแดงส้มสวยเหมือนชาซีลอน จนกลายเป็นที่มาของสีส้มแป๊ดของชาไทยเมื่อใส่นม (หากไม่มีการใส่สี น้ำชาดำเมื่อใส่นมจะให้สีออกโทนน้ำตาลตุ่นๆ)

นอกจากนั้นยังมีการใส่สมุนไพรหลายอย่างลงไปในชาเพื่อแต่งกลิ่นและรสชาติเพิ่มเติมอีก เช่น ดอกส้ม เม็ดมะขามบด โป๊ยกั๊ก เป็นต้น นับแต่นั้นมาชาไทยก็ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างโดดเด่น ด้วยสี กลิ่น และรสชาติที่หอมอร่อยลงตัวไม่เหมือนใคร ชื่อเมนูจากชาซีลอนก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็น “ชาร้อน” หรือ “ชาเย็น” ในที่สุด ส่วนร้านที่ยังคงใช้ใบชาซีลอนแท้ๆ อยู่ ก็ยังคงใช้ชื่อเมนูว่า “ซีลอน” หรือ “ชาซีลอน” เพื่อแยกต่างหากจาก “ชา” หรือ “ชาไทย”

หากอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงพอจะเห็นภาพแล้วว่า เรื่องราวของชาไทยนั้นมีความเป็นมาอย่างไร แม้จะนับได้ว่าชาวจีนเป็นผู้นำเข้ามาเผยแพร่ในไทย แต่ก็เป็นชาวจีนที่รับเอาวิธีการชงชาใส่นมแบบชาวอังกฤษมาอีกทอดหนึ่ง ไม่ใช่สายธารเดียวกันกับชาจีนที่ชาวสยามรู้จักมานมนานตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นอย่างช้า เพราะสยามรับ “วัฒนธรรมชา” จากจีนมาแบบทั้งดุ้น คือนำเข้าทั้งใบชาและเครื่องชา (อุปกรณ์ชงชา) มาไว้ใช้ชงต้อนรับแขกเหรื่อ วิธีการชงชาดื่มและจุดประสงค์ในการดื่มก็เหมือนอย่างที่รับมาจากจีนไม่ผิดเพี้ยน และชาจีนก็ไม่นิยมใส่นมข้นหวาน ดังนั้น วัฒนธรรมชาจีนจึงไม่ใช่ต้นกำเนิดของชาไทยอย่างแน่นอน หากจะมีจุดที่เชื่อมโยงกันบ้างก็เห็นเพียงแค่ว่า ร้านกาแฟและชาโบราณมักจะเสิร์ฟชาจีนร้อนๆ ให้ลูกค้าล้างปากแก้เลี่ยนหลังจากดื่มกาแฟนมหรือชานม

นอกจากกระแสธารชาจีนแล้ว ไทยยังได้รับอิทธิพลด้าน “ชา” จากไต้หวันอีกแหล่งหนึ่งด้วย มีการนำสายพันธุ์ “ชาอูหลง” จากไต้หวันมาเพาะปลูกในไทย โดยเฉพาะดอยแม่สลองจังหวัดเชียงราย แต่วัฒนธรรมการดื่มชาอูหลงนั้นเป็นแบบเดียวกับชาจีนโบราณคือไม่ชงผสมกับนม อีกทั้งรสชาติของชาอูหลงที่เป็นชากึ่งหมักนั้นไม่เข้มฝาดพอจะใส่นมลงไปได้ (หากชงแบบโบราณ) ดังนั้นอิทธิพลชาอูหลงจากไต้หวันก็ไม่ใช่ต้นกำเนิดของชาไทยเช่นกัน แต่ทว่าก็เป็นไปได้ว่าเศษใบชาแตกหักและก้านใบชาซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตใบชาอูหลงจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชาไทยในระยะหลังด้วย แต่ระยะเวลาในการเกิดขึ้นของไร่ชาอูหลงในไทยยังสั้นเกินกว่าที่จะอ้างว่าเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตใบชาไทยที่มีอายุยาวนานกว่าได้

ชาเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในจีนอย่างที่ทราบกันทั่วไป ไทยก็เป็นชาติที่ได้รับอิทธิพลจากจีนไม่น้อย วัฒนธรรมชาก็หลั่งไหลเข้ามาในไทยหลายสายและหลากช่วงเวลา หากไม่มีการสืบสาวท้าวความที่มาของ “ชาไทย” ให้ชัดเจน ก็อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจที่สับสนผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้ไม่มากก็น้อย

------------------------

หากอยากลองสัมผัสรสชาติของชาไทย แนะนำผงชาไทยสำเร็จรูป Synova ที่มาพร้อมรสชาติหอมละมุนและเข้มข้น ที่ชงง่ายทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น เหมือนกับชานมจากร้านดัง ๆ แค่ชงที่บ้านก็อร่อยได้ทุกวัน ไม่ต้องเดินทางไปไหน! ลองเลยแล้วคุณจะรู้ว่าการดื่มชาไทยอร่อย ๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อม!

 

กิจกรรมเพิ่มเติม